ปัญหาประตูไม้บวมช่วงหน้าฝน เปิด-ปิดยาก แก้ยังไง?

ในช่วงหน้าฝนหลายคนคงเคยเจอกับปัญหากวนใจเวลาเปิด-ปิดประตูไม้ ไม่ว่าจะเป็นความฝืด เสียงเอี๊ยดอ๊าด หรือบางทีก็ดันยังไงก็ไม่ยอมเปิดเสียที ประตูที่เคยเปิด-ปิดง่ายกลับกลายเป็นเปิด-ปิดยากทุกครั้ง ปัญหานี้เกิดขึ้นจากที่ประตูไม้บวมซึ่งเป็นผลมาจากความชื้นในอากาศที่สูงในช่วงฤดูฝนทำให้ไม้ดูดน้ำและขยายตัวจนติดขอบวงกบ เวลาเปิด-ปิดจึงยากกว่าปกติ ถ้าหากปล่อยไว้นานอาจทำให้ประตูเสียหายหรือทำให้โครงสร้างรอบ ๆ บิดเบี้ยวได้ด้วย

บทความนี้ Pan Union จะพาคุณไปดูสาเหตุ วิธีแก้ และวิธีป้องกันปัญหาประตูไม้บวม เพื่อให้คุณเปิด-ปิดประตูได้อย่างลื่นไหลอีกครั้งแม้ฝนจะตกทุกวันก็ตาม

ทำไมประตูไม้ถึงบวมในช่วงหน้าฝน?

สาเหตุหลักที่ทำให้ประตูไม้บวมในช่วงหน้าฝนมาจากความชื้นในอากาศที่สูง โดยทั่วไปแล้วไม้เป็นวัสดุธรรมชาติที่มีคุณสมบัติดูดซับความชื้นได้ดี เมื่อฝนตกบ่อย ๆ ความชื้นในอากาศจึงซึมเข้าไปในเนื้อไม้ ทำให้ไม้เกิดการขยายตัวจนใหญ่กว่าขนาดเดิม ส่งผลให้ประตูเกิดอาการฝืด ติดขอบ หรือปิดไม่สนิท นอกจากนี้ อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงยังมีส่วนเร่งให้ไม้เกิดการขยายหรือหดตัวเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย

ชนิดของไม้ก็มีผลต่อการบวมเช่นกัน เช่น ไม้อัดหรือไม้ MDF จะดูดน้ำมากกว่าไม้เนื้อแข็ง ทำให้บวมง่ายและเสียรูปไวกว่า ส่วนไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้เต็ง ไม้สัก แม้จะทนทานกว่า แต่ถ้าไม่ได้ผ่านการอบแห้งที่ดี หรือไม่ได้เคลือบกันชื้น ก็ยังเสี่ยงที่จะบวมได้อยู่ดี

อีกปัจจัยที่หลายคนมองข้ามคือ การติดตั้งประตูที่ไม่ได้เผื่อระยะสำหรับการขยายตัวของไม้ โดยเฉพาะการเจาะวงกบพอดีเกินไป หรือไม่มีการเว้นช่องว่างที่ขอบด้านบนและข้าง ทำให้เมื่อไม้ขยายตัว จึงไม่มีพื้นที่ให้ขยับ จนเกิดการเสียดสีหรือดันจนเปิด-ปิดยากในที่สุด

สัญญาณที่บอกว่าประตูไม้บวม

หากประตูที่เคยใช้งานได้ลื่นไหลเริ่มมีอาการแปลก ๆ ในช่วงหน้าฝน นั่นคือสัญญาณเตือนว่าไม้กำลังบวมจากความชื้น โดยสามารถสังเกตได้จากอาการเหล่านี้

• เปิด-ปิดฝืดหรือมีเสียงดัง – เวลากดหรือดึงประตูจะรู้สึกต้านมือ ต้องออกแรงมากขึ้น หรือมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดผิดปกติ เพราะไม้ขยายตัวจนแนบชิดกับวงกบเกินไป
• ขอบประตูเสียดสีกับวงกบหรือพื้น – สังเกตบริเวณด้านล่างหรือขอบข้างของประตู หากมีรอยถลอกหรือสีถลอกจากการเสียดสี อาจเป็นเพราะไม้บวมจนเกินระยะที่เผื่อไว้ในการติดตั้ง
• ประตูบิดเบี้ยวหรือบานพองไม่เท่ากัน – บางครั้งอาการบวมจะเกิดเฉพาะบางจุด เช่น มุมบนด้านหนึ่งหรือขอบล่างอีกด้าน ทำให้ประตูดูเบี้ยว หรือเปิดแล้วไม่สนิทเท่าเดิม

วิธีแก้ปัญหาประตูไม้บวมแบบเร่งด่วน

หากคุณต้องการใช้งานประตูได้ตามปกติโดยไม่ต้องรื้อเปลี่ยนทั้งบาน ลองแก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยวิธีง่าย ๆ เหล่านี้

1. ใช้กระดาษทรายขัดขอบที่บวม

หากพบว่าประตูฝืดหรือเสียดสีกับวงกบในบางจุด ให้ใช้กระดาษทรายเบอร์หยาบขัดบริเวณขอบที่บวมออกเล็กน้อย โดยเฉพาะตรงที่สังเกตเห็นว่ามีรอยถลอกจากการเสียดสี ควรขัดทีละนิดแล้วลองเปิด-ปิดประตูเพื่อเช็กว่าแนบสนิทหรือยัง หลีกเลี่ยงการขัดมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดช่องว่างเมื่อไม้หดตัวกลับ

2. ใช้พัดลมหรือไดร์เป่าผมช่วยลดความชื้น

สำหรับประตูที่บวมไม่มาก อาจใช้วิธีเป่าลมบริเวณที่มีความชื้นสะสม เช่น ขอบล่างหรือริมด้านในของประตู สามารถใช้พัดลมเป่าแรง ๆ หรือใช้ไดร์เป่าผมตั้งอุณหภูมิอุ่น ๆ ช่วยเป่าไล่ความชื้นออกจากเนื้อไม้ วิธีนี้เหมาะสำหรับการแก้ชั่วคราว และควรทำซ้ำหากการบวมยังไม่ลดลง

3. ทาน้ำยาเคลือบกันชื้นบริเวณขอบประตู

หลังจากจัดการกับความชื้นและขัดขอบแล้ว ควรทาน้ำยาเคลือบไม้ เช่น แลคเกอร์หรือวานิชกันชื้น เฉพาะบริเวณขอบหรือจุดที่เคยบวม เพื่อป้องกันไม่ให้ดูดซับน้ำซ้ำอีกในอนาคต ควรเลือกน้ำยาที่เหมาะกับงานไม้ภายนอก และทาอย่างน้อย 2 ชั้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกัน

อ่านบทความน่าสนใจ: วิธีดูแลรักษามือจับประตูเคล็ดลับที่ช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น

วิธีป้องกันประตูไม้บวมในระยะยาว

ปัญหาประตูไม้บวมมักเกิดจากความชื้นและการใช้งานที่ไม่เหมาะสม หากปล่อยไว้อาจทำให้ประตูเสียหายและใช้งานไม่ได้ในระยะยาว มาดูวิธีป้องกันที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของประตูไม้ให้นานยิ่งขึ้นกันดีกว่า

1. ทาสีหรือเคลือบน้ำยากันชื้นรอบบานประตู

การทาสีหรือน้ำยาเคลือบกันชื้นรอบบานประตู รวมถึงขอบด้านบน-ล่างเป็นวิธีง่ายแต่ได้ผลดี ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาสำหรับงานไม้ภายนอกโดยเฉพาะ เพราะจะสามารถต้านทานความชื้นและป้องกันการดูดซับน้ำได้ดีกว่า

2. เลือกใช้ไม้เนื้อแข็งหรือไม้ที่ผ่านการอบแห้ง

หากกำลังจะติดตั้งประตูใหม่ ควรเลือกใช้ไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้เต็ง ไม้แดง หรือไม้สัก ซึ่งมีความทนทานและดูดซับความชื้นน้อยกว่าไม้เนื้ออ่อน และควรตรวจสอบว่าไม้ผ่านกระบวนการอบแห้งอย่างเหมาะสม เพื่อลดโอกาสบิดงอหรือบวมเมื่อเจอกับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง

3. เผื่อช่องว่างระหว่างบานประตูกับวงกบให้เหมาะสม

การเว้นช่องว่างประมาณ 2-3 มม. รอบขอบประตูเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะบริเวณด้านบนและด้านข้าง เพื่อให้มีพื้นที่เผื่อไม้ขยายตัวในช่วงฤดูฝน การติดตั้งที่พอดีเกินไป แม้ดูแน่นหนา แต่อาจจะทำให้เกิดปัญหาเมื่อเจอความชื้นหนัก ๆ ในช่วงหน้าฝน

4. ติดตั้งหลังคาหรือกันสาดกันฝนบริเวณประตู

สำหรับประตูที่อยู่ภายนอกอาคาร เช่น ประตูบ้านหรือประตูระเบียง การติดตั้งหลังคาหรือกันสาดเล็ก ๆ สามารถช่วยลดการโดนน้ำฝนโดยตรง ทำให้ความชื้นไม่สะสมบริเวณขอบประตูมากเกินไป และลดความเสี่ยงที่ไม้จะบวมได้ในระยะยาว

คำแนะนำในการเลือกประตูไม้ให้เหมาะกับหน้าฝน

หากคุณอยู่ในพื้นที่ที่มีฝนตกบ่อย หรือมีความชื้นสูงเป็นประจำ ควรเลือกใช้ประตูไม้เนื้อแข็งที่ทนชื้นได้ดี เช่น ไม้เต็ง ไม้แดง ไม้สัก เพราะไม้เนื้อแข็งเหล่านี้มีความหนาแน่นสูง ดูดซับน้ำได้น้อยกว่าไม้เนื้ออ่อน จึงทนต่อสภาพอากาศชื้นได้ดีกว่า

อีกหนึ่งวิธีคือใช้ประตูที่ผลิตจากวัสดุ HDF (High Density Fiberboard) ที่มีการเคลือบกันชื้น หรือประตูวัสดุ UPVC ที่ไม่ดูดน้ำเลย แทนการใช้ประตูไม้แบบดั้งเดิม เหมาะสำหรับห้องน้ำ ห้องครัว หรือบริเวณที่มีความชื้นสูง

แนะนำสำหรับบ้านโซนฝนตกชุกที่มักเผชิญฝนตกต่อเนื่องหลายวัน ควรให้ความสำคัญกับการเลือกวัสดุและการติดตั้งให้มากขึ้น ทั้งในแง่ของคุณภาพไม้ การเคลือบกันชื้น และการเว้นช่องเผื่อการขยายตัว เพื่อให้ประตูอยู่ในสภาพดีได้ตลอดฤดูฝนโดยไม่ต้องซ่อมบ่อย ๆ

ปัญหาประตูไม้บวม ป้องกันก่อนเกิด ดีกว่าแก้ไขเมื่อสาย

แม้ประตูไม้จะให้ความรู้สึกอบอุ่นและสวยงาม แต่หากไม่ดูแลให้ดีก็อาจกลายเป็นจุดอ่อนของบ้านในช่วงหน้าฝน การป้องกันไว้ก่อนด้วยการเลือกวัสดุที่เหมาะสม เช่น ไม้เนื้อแข็งหรือวัสดุทดแทนกันชื้น รวมถึงการเคลือบผิวไม้และติดตั้งโดยเว้นให้มีช่องว่างระหว่างวงกบพอเหมาะ จะช่วยลดโอกาสเกิดปัญหาไม้บวมได้อย่างมาก นอกจากนี้ ควรหมั่นตรวจสอบสภาพประตูอย่างน้อยปีละครั้ง โดยเฉพาะช่วงก่อนเข้าฤดูฝน เช่น ดูว่ามีรอยบวม เสียดสี หรือความชื้นสะสมหรือไม่ การดูแลเล็กน้อยเหล่านี้ จะช่วยประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายและเวลาจากการซ่อมแซมในภายหลังได้มากกว่าที่คิด

เพื่อเสริมให้ประตูไม้ของคุณดูดีและใช้งานได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น การเลือกมือจับประตูที่ทนทานและสวยงามก็เป็นอีกองค์ประกอบสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม Pan Union มีมือจับประตูคุณภาพสูงให้เลือกหลากหลายดีไซน์และหลากหลายวัสดุจากแบรนด์ชั้นนำ ทนต่อความชื้นได้ดี เหมาะกับการใช้งานในช่วงหน้าฝนโดยไม่เป็นสนิมง่าย นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับประตูไม้ และตอบโจทย์ทุกสไตล์การตกแต่งบ้าน ไม่ว่าจะเป็นสไตล์โมเดิร์น มินิมอล หรือคลาสสิก ก็สามารถเลือกมือจับประตูที่เข้ากันได้ตามต้องการ 

อ่านบทความน่าสนใจ: 5 สไตล์มือจับประตูสวยๆ ที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับบ้าน

FAQs: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับประตูไม้บวม

หากคุณเคยเจอปัญหาประตูไม้บวมจนเปิด–ปิดไม่สะดวก หัวข้อนี้รวบรวมคำถามที่พบบ่อย พร้อมคำตอบที่เข้าใจง่าย เพื่อช่วยให้คุณดูแลและแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกวิธี

Q: ประตูไม้บวมสามารถแก้ได้ถาวรไหม?

A: สามารถแก้ไขได้ในระดับหนึ่งแต่ไม่ใช่ถาวร หากประตูยังคงมีความชื้นสะสมหรือไม่ได้ป้องกันอย่างเหมาะสม การบวมอาจกลับมาอีกเมื่อเจอฤดูฝนหรือสภาพอากาศชื้น ดังนั้นจึงควรแก้พร้อมป้องกัน เช่น เคลือบน้ำยา ปรับโครงสร้าง หรือเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสม

Q: ใช้น้ำยากันปลวกจะช่วยลดการบวมของไม้ได้ไหม?

A: น้ำยากันปลวกมีหน้าที่ป้องกันแมลงกัดกินไม้เท่านั้น ไม่ได้ช่วยป้องกันความชื้นหรือการบวมของไม้ หากต้องการป้องกันการบวม ควรใช้น้ำยาเคลือบกันชื้นหรือสีทาไม้สำหรับภายนอกที่มีคุณสมบัติกันน้ำโดยเฉพาะ

Q: ถ้าขัดไม้บวมออกเยอะไป จะมีผลเสียอะไรไหม?

A: มีผลแน่นอน เพราะเมื่อไม้แห้งและหดตัวกลับ อาจทำให้เกิดช่องว่างระหว่างประตูกับวงกบ ทำให้ประตูหลวม หรือปิดแล้วไม่สนิท ควรขัดเฉพาะจุดที่จำเป็นและทดสอบการใช้งานระหว่างทำ เพื่อให้ขัดออกพอดี ไม่เกินความจำเป็น

Q: ควรเรียกช่างเมื่อไหร่?

A: ควรเรียกช่างเมื่อประตูบวมจนเปิด-ปิดแทบไม่ได้ บานประตูเริ่มบิดเบี้ยวผิดรูป หรือเมื่อพยายามแก้ไขเบื้องต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น การเรียกช่างช่วยประเมินโครงสร้างและแก้ไขอย่างเหมาะสม จะลดความเสี่ยงของความเสียหายระยะยาว และช่วยให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัย

อ่านบทความน่าสนใจ: มือจับประตูเก่าทำบ้านหมอง! 5 สัญญาณเตือนที่ควรเปลี่ยนให้บ้านดูใหม่

สนใจเลือกซื้อมือจับประตู อุปกรณ์กุญแจ ลูกบิด รวมถึงอุปกรณ์ประตูคุณภาพสูง เช่น กลอนประตู กันชนประตู บานพับประตู คลิกดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ www.panunion.co.th

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Line: @panunion
Facebook: Pan Union มือจับประตู มือจับเฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ฟิตติ้ง
Tel. 02-911-5600-4